วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2562

ประวัติกีต้าร์คลาสสิค


ประวัติของกีตาร์คลาสสิค
กีต้าร์คลาสสิคเป็นเครื่องดนตรีเก่าแก่ชนิดหนึ่งของโลก มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าห้าศตวรรษ กล่าวคือยังมีบทเพลงย้อยหลังไปกว่า 500 ปี (คศ.1500) ที่ยังนำมาใช้เรียน เล่นและแสดงกันถึงปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าความนิยมของกีต้าร์คลาสสิคได้ลดน้อยถอยลงไปในกลางศตวรรษที่ 19 (1850) เนื่องจากกระแสความนิยมของ เปียโนฟอร์เต้ ได้เข้ามาแทนที่ในสำนักพระราชวังของเจ้าผู้ครองแคว้นต่างๆ ในยุโรป อย่างไรก็ดี กระแสของกีต้าร์คลาสสิคก็ได้กลับมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อ อังเดร เซโกเวีย ได้ทำให้เครื่องดนตรีชนิดนี้เป็นที่นิยมอีกครั้งไปทั่วโลก ในปัจจุบันกีต้าร์คลาสสิคได้มีการพัฒนาวิธีและเทคนิคการเล่นมากขึ้นกว่าเมื่อหลายสิบปีที่แล้วมาก รวมทั้งมีบทเพลงที่แต่งขึ้นใหม่หรือเพิ่งจะค้นพบจากที่ต่างๆ มากมาย เนื่องจากถูกเก็บเอาไว้ในกรุอยู่เป็นร้อยปี ส่วนในด้านการทำกีต้าร์ ก็มีช่างทำกีต้าร์หรือ Luthier จำนวนหลายร้อยคนทั่วโลก ส่วนมากยังทำตามแบบอย่างของ ทอร์เรส ช่างทำกีต้าร์ในปลายศตวรรษที่ 19 ที่สามารถออกแบบกีต้าร์จนเป็นมาตรฐานจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังได้มีการพยายามคิคค้นหาวิธีใหม่ๆ เพื่อทำให้กีต้าร์มีเสียงที่ดีและดังขึ้น บ้างก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง บ้างก็ล้มเหลว แต่ก็ยังมีปรากฎออกมาให้เห็นเรื่อยๆ สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาที่ยังไม่สิ้นสุดของการทำกีต้าร์
          ในปัจจุบันมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาจะมีภาควิชากีต้าร์คลาสสิคอยู่ และมีจำนวนไม่น้อยที่สอนกันจนถึงระดับปริญญาเอก (Guitar Performance) สถาบันดนตรีชั้นนำของอังกฤษ แคนนาดา และออสเตรเรีย ก็มีการสอบเกรด ดังเช่นเครื่องดนตรีคลาสสิคอื่นๆ มีนักกีต้าร์ที่มีชื่อเสียงออกเดินทางไปแสดงทั่วโลก

ประวัติศาสตร์ดนตรีสากล



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประวัติศาสตร์ ดนตรี สากล
ประวัติความเป็นมาของดนตรีสากล
การ กำเนิดของเครื่องดนตรีเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยโบราณ โดยมนุษย์รู้จักการสร้างเครื่องดนตรีง่ายๆ จากธรรมชาติรอบข้างคือ เริ่มจากการปรบมือผิวปาก เคาะหิน หรือนำกิ่งไม้มาตีกันซึ่งต่อมาได้มีการสร้างเครื่องดนตรีที่มี
รูป ทรงลักษณะต่างๆ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละชนชาติ โดยมีการแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมและลักษณะเครื่องดนตรีของชนชาติต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องดนตรีสากลที่เป็นเครื่องดนตรีของชาวตะวันตกที่นำมาเล่นกัน แพร่หลายในปัจจุบัน สำหรับการกำเนิดของดนตรีตะวันตกนั้นมาจากเครื่องดนตรีของชนชาติกรีกโบราณที่ สร้างเครื่องดนตรีขึ้นมา 3 ชนิดคือ ไลรา คีธารา และออโรสจนต่อมามีการพัฒนาสร้างเครื่องดนตรีประเภทต่างๆ ทั้งประเภทเครื่องสายเครื่องเป่า เครื่องทองเหลือง เครื่องตี และเครื่องดีดหรือเครื่องเคาะ เช่นไวโอลิน ฟลุต ทรัมเป็ต กลองชุด กีตาร์ ฯลฯโดยพบเครื่องดนตรีสากลได้ในวงดนตรีสากลประเภทต่างๆ ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน
   การสืบสาวเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาของดนตรีตั้งแต่สมัยโบราณมา นับว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้ได้เรื่องราว สมัยของการรู้จักใช้อักษรหรือสัญลักษณ์อื่นๆ  เพึ่งจะมีปรากฏและเริ่มนิยมใช้กันในสมัยเริ่มต้นของยุค  Middle  age  คือระหว่างศตวรรษที่ 5-6   และการบันทึกมีเพียงเครื่องหมายแสดงเพียงระดับของเสียง  และจังหวะ    ( Pitch  and   time )    ดนตรี เกิดขึ้นมาในโลกพร้อมๆกับมนุษย์เรานั่นเอง  ในยุคแรกๆมนุษย์อาศัยอยู่ในป่าดง  ในถ้ำ   ในโพรงไม้   แต่ก็รู้จักการร้องรำทำเพลงตามธรรมชาติ   เช่นรู้จักปรบมือ  เคาะหิน  เคาะไม้  เป่าปาก  เป่าเขา  และเปล่งเสียงร้องตามเรื่อง  การร้องรำทำเพลงไปเพื่ออ้อนวอนพระเจ้าเพื่อช่วยให้ตนพ้นภัย   บันดาลความสุขความอุดมสมบูรณ์ต่างๆให้แก่ตน   หรือเป็นการบูชาแสดงความขอบคุณพระเจ้าที่บันดาลให้ตนมีความสุขความสบาย
         โลกได้ผ่านหลายยุคหลายสมัย  ดนตรีได้วิวัฒนาการไปตามความเจริญและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์  เครื่องดนตรีที่เคยใช้ในสมัยเริ่มแรกก็มีการวิวัฒนาการมาเป็นขั้นๆ  กลายเป็นเครื่องดนตรี   ที่เราเห็นอยู่ทุกวัน   เพลงที่ร้องเพื่ออ้อนวอนพระเจ้า  ก็กลายมาเป็นเพลงสวดทางศาสนา   และเพลงร้องโดยทั่วๆไป
         ในระยะแรก  ดนตรีมีเพียงเสียงเดียวและแนวเดียวเท่านั้นเรียกว่า  Melody    ไม่มีการประสานเสียง  จนถึงศตวรรษที่ 12  มนุษย์เราเริ่มรู้จักการใช้เสียงต่างๆมาประสานกันอย่างง่ายๆ  เกิดเป็นดนตรีหลายเสียงขึ้นมา

นิทานเรื่องนี้



"ความเจ็บปวดก็เหมือนนิทานที่กล่อมให้หลับไหล"

CR: ND23
อ้างอิง
อ้างอิงวิดีโอ












อ้างอิง
https://www.youtube.com/watch?v=oKcN-1PRTtY



VR


AR กับ VR มันคืออะไร ต่างกันยังไงกันนะ

หลายคนคงจะสงสัยกับคำว่า AR และ VR ว่ามันคืออะไร แล้ว AR vs VR ต่างกันยังไงกันนะ
Augmented reality หรือ AR คือ การรวม สภาพแวดล้อมจริง กับ วัตถุเสมือน เข้าด้วยกันในเวลาเดียวกัน โดยวัตถุเสมือนที่ว่านั้น อาจจะเป็น ภาพ, วิดิโอ, เสียง, ข้อมูลต่างๆที่ประมวลผลมาจากคอมพิวเตอร์, มือถือ, เทปเล็ต, หรืออุปกรณ์สวมใส่ขนาดเล็กต่างๆ และทำให้เราสามารถตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้
ตัวอย่างของการใช้งาน AR ก็คือ
เกม AR ต่างๆ เช่น Pokemon Go
28286906571_813c6e6d82_b
การเรียนการสอน
App_iSkull,_an_augmented_human_skull
โฆษณา
Augmented-reality-ads
Virtual reality หรือ VR ก็คือ เป็นการจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง นั้นเอง โดยพยายามทำให้เหมือนจริงโดยผ่านการรับรู้ของเราไม่ว่าจะเป็น การมองเห็น เสียง การสัมผัส หรือแม้กระทั้งกลิ่น และทำให้เราสามารถตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้
ตัวอย่างของการใช้งาน VR ก็คือ
การจำลองการขับเครื่องบิน
VR-Helm
การประยุกต์ใช้ในการศึกษาต่างๆ
AC89-0437-20_a
ความแตกต่างของ VR และ AR นั้นก็คือ VR นั้นจะตัดขาดเราออกจากสถาพแวดล้อมปัจจุบันเพื่อเข้าไปสู่สภาพแวดล้อมที่จำลองขึ้นมาใหม่ทั้งหมด แต่ AR จะพยายามรวบรวมหรือผสานระหว่างสภาพแวดล้อมจริงๆ ณ ขณะนั้นเข้ากับวัตถุที่จำลองขึ้นมานั้นเอง
จะเห็นได้ว่าจากความแตกต่างระหว่าง VR และ AR ทำให้การนำไปประยุกต์ใช้งานนั้นแตกต่างกัน โดย VR นั้นจะเน้นที่ตัดขาดออกจากโลกจริงเข้าไปอยู่ในโลกเสมื่อนอย่างเต็มรูปแบบ ส่วน AR นั้นจะเน้นไปที่การผสานรวบรวมระหว่างวัตถุเสมือนรอบตัวเราเข้ากับสภาพแวดล้อมจริงๆ ณ ขณะนั้น นั้นเอง







อ้างอิง